why-vietnam.com

VN Economy

Business Consulting - Specialist in Vietnam

Professional practice
Partnership oriented

Home : Vietnam Business Solution : VN Economy

Topic : กรุงไทย คาดมูลค่าส่งออกทุเรียนไทยไปจีน ปี’68-73 วูบ 2 แสนล้าน
October 30, 2022
by : TNBC


กรุงไทย คาดมูลค่าส่งออกทุเรียนไทยไปจีน ปี’68-73 วูบ 2 แสนล้าน

วันที่ 30 ตุลาคม 2565 - 10:31 น. โดย ประชาชาติธุรกิจ

Krungthai COMPASS จับชีพจรทุเรียนไทย เสี่ยงตกบัลลังก์ หลัง “จีนปลูกเองได้-หลายประเทศส่งออกแข่ง”
คาดเอฟเฟ็กต์แนวโน้มมาร์เก็ตแชร์ทุเรียนไทยส่งออกไปจีนลดลงต่อเนื่อง คาดผลกระทบส่งออกทุเรียนของไทยไปจีน
ช่วงปี 2568-2573 รวมกันราว 2 แสนล้านบาท หรือตกปีละประมาณ 1.7-5.7 หมื่นล้านบาท

วันที่ 30 ตุลาคม 2565 Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย นำเสนอบทวิเคราะห์ “จับชีพจรทุเรียนไทย จะโดนโค่นบัลลังก์หรือไม่? หลังศึกแย่งชิงตลาดจีนดุเดือด” โดยประเมินว่า ตลาดส่งออกทุเรียนไทยไปจีนจะขยายตัว 19.3%CAGR (2565-2573) เป็น 22,162 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 7 แสนล้านบาท ในปี 2573 จากปัจจุบันที่ราว 1.2 แสนล้านบาท จากความต้องการบริโภคทุเรียนของชาวจีนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี ส่วนแบ่งตลาดทุเรียนของไทยในจีนมีแนวโน้มลดลงจาก 95.9% ในปี 2564 เหลือ 90.4% และ 88.1% ในปี 2568 และปี 2573 ตามลำดับ จากการที่จีนสามารถปลูกทุเรียนได้เองและการส่งออกทุเรียนของประเทศคู่แข่งไปจีนมากขึ้น ได้แก่ มาเลเซีย และเวียดนาม ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบประมาณ 1.7-5.7 หมื่นล้านบาทต่อปี ในช่วงปี 2568-2573

โดยปัจจัยใดที่ทำให้การส่งออกทุเรียนไทยเริ่มสั่นคลอน ได้แก่ แนวโน้มผลผลิตทุเรียนโลกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (ปี 2554-2564) ผลผลิตทุเรียนโลกเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1.3 แสนตันต่อปี ตามความต้องการบริโภคทุเรียนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดจีน ทำให้ประเทศที่มีศักยภาพในการเพาะปลูกทุเรียนเร่งขยายพื้นที่เพาะปลูกเพื่อเพิ่มผลผลิตเชิงการค้ามากขึ้น ทั้งไทย และประเทศคู่แข่งอย่างอินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนาม โดยในปี 2564 ไทยมีพื้นที่เพาะปลูกทุเรียนจำนวน 8.52 แสนไร่ หรือเพิ่มขึ้น 41% เมื่อเทียบกับปี 2554 เนื่องจากเกษตรกรส่วนใหญ่หันมาปลูกทุเรียนแทนพืชอื่น เช่น ยางพารา มันสำปะหลัง เป็นต้น

ขณะที่รัฐบาลมาเลเซียสนับสนุนการปลูกทุเรียนเพื่อส่งออก ทั้งด้านเงินทุน เทคโนโลยี และการขนส่ง ส่วนอินโดนีเซียและเวียดนามก็มีการขยายพื้นที่เพาะปลูกทุเรียนเป็นวงกว้าง

Krungthai COMPASS ประเมินว่า ภายในปี 2568 ผลผลิตทุเรียนของไทยจะแซงหน้าอินโดนีเซีย และในปี 2573 ผลผลิตทุเรียนของไทยอาจเพิ่มขึ้นถึง 4.2 เท่าสู่ระดับ 5.05 ล้านตัน ขณะที่ผลผลิตทุเรียนของอินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนามมีแนวโน้มอยู่ที่ 4.05 ล้านตัน (เพิ่มขึ้น 3 เท่า) 0.72 ล้านตัน (เพิ่มขึ้น 1.7 เท่า) และ 3.44 ล้านตัน (เพิ่มขึ้น 5.4 เท่า) ตามลำดับ ทั้งนี้ ปริมาณผลผลิตทุเรียนโลกที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้การแข่งขันในตลาดส่งออกรุนแรงมากขึ้น

อย่างไรก็ดี จีนประสบความสำเร็จในการปลูกทุเรียน โดยความต้องการบริโภคทุเรียนในตลาดจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้จีนหันมาทดลองปลูกและพัฒนาสายพันธุ์ทุเรียน โดยปัจจุบัน เกษตรกรจีนสามารถปลูกทุเรียนสำเร็จ และคาดว่าจะมีผลผลิตทุเรียนจีนออกสู่ตลาดมากขึ้น เกษตรกรมณฑลกวางตุ้งประสบความสำเร็จในการปลูกทุเรียนพันธุ์มูซานคิงและพันธุ์หนามดำ โดยมีพื้นที่ทดลองปลูกทุเรียนประมาณ 41.66 ไร่ เริ่มทดลองปลูกตั้งแต่ปี 2561 และคาดว่าจะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในเดือน ต.ค. 2565

นอกจากนี้ ข้อมูลจากสำนักวิจัยไม้ผลเขตร้อน สถาบันวิทยาศาสตร์การเกษตรมณฑลไห่หนาน คาดว่ามณฑลไห่หนานมีพื้นที่เพาะปลูกทุเรียนประมาณ 12,500 ไร่ โดยส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ต้นกล้าที่มาจากไทย มาเลเซีย และเวียดนาม ซึ่งคาดว่าจะเริ่มให้ผลผลิตได้ตั้งแต่ปี 2567 ประมาณปีละ 45,000-75,000 ตัน คิดเป็นสัดส่วนราว 5-9% ของปริมาณการส่งออกทุเรียนของไทย ทั้งนี้ หากผลผลิตทุเรียนจีนที่จะออกสู่ตลาดในระยะแรกมีคุณภาพตรงตามความต้องการของผู้บริโภค อาจทำให้ทางการจีนขยายพื้นที่เพาะปลูกเป็นวงกว้าง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อปริมาณการนำเข้าทุเรียนจากไทย

อีกปัจจัยก็คือ ต้นทุนการผลิตทุเรียนของไทยสูงกว่าประเทศคู่แข่ง โดยไทยจะเผชิญกับการแข่งขันด้านราคาของทุเรียนที่สูงขึ้น เนื่องจากไทยมีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าประเทศคู่แข่ง อาจกระทบต่ออัตรากำไรของผู้ประกอบการ ซึ่งสาเหตุหลักมาจากต้นทุนค่าจ้างแรงงานของไทยอยู่ในระดับสูงกว่าประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนาม เห็นได้จากค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำของไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 337 บาท/วัน หลังจากภาครัฐปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำที่มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2565 ซึ่งสูงกว่าค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำของเวียดนามเฉลี่ยอยู่ที่ 200 บาท/วัน

นอกจากนี้ ไทยยังมีความเสียเปรียบด้านต้นทุนการขนส่งทุเรียนไปจีนที่สูงกว่าเวียดนาม เนื่องจากเวียดนามมีพรมแดนที่ติดกับจีน ทำให้การขนส่งทุเรียนของเวียดนามไปจีนใช้ระยะเวลาไม่เกิน 15 ชั่วโมง ขณะที่ทุเรียนของไทยจะขนส่งทางบกผ่านเส้นทางลาวและเวียดนามไปจีน ซึ่งใช้ระยะเวลาในการขนส่งประมาณ 2-3 วัน ทำให้ราคาขายส่งทุเรียนของไทยสูงกว่าทุเรียนของเวียดนามประมาณ 50 บาท/กก. ส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของทุเรียนไทยในตลาดจีนต่ำกว่าทุเรียนของเวียดนาม

 

VN Economy

หอการค้าแนะผนึกเวียดนามสร้างหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจแทนเปิดหน้าชน

หอการค้า มองเศรษฐกิจเวียดนามโตต่อเนื่องแม้ประสบวิกฤติโควิด ชี้ได้เปรียบทั้งค่าแรง แรงงานวัยหนุ่ม-สาว เงื่อนไขดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ

Read More

กรุงไทย คาดมูลค่าส่งออกทุเรียนไทยไปจีน ปี’68-73 วูบ 2 แสนล้าน

Krungthai COMPASS จับชีพจรทุเรียนไทย เสี่ยงตกบัลลังก์ หลัง “จีนปลูกเองได้-หลายประเทศส่งออกแข่ง” คาดเอฟเฟ็กต์แนวโน้มมาร์เก็ตแชร์ทุเรียนไทยส่งออกไปจีนลดลง

Read More

LEGO Group เปิดใจ ทำไมไปลงทุนที่เวียดนาม: ไม่ใช่เพราะค่าแรงถูก แต่เห็นโอกาสจากซัพพลายเชน

LEGO Group เปิดใจ ทุ่มทุนสร้างโรงงานที่เวียดนามกว่า 3.7 หมื่นล้านบาท ไม่ใช่เพราะค่าแรงถูก แต่เพราะเห็นโอกาสจากซัพพลายเชน

Read More